Friday, December 13, 2013

การจัดโต๊ะอาหารรูปแบบต่างๆ

รูปแบบการจัดโต๊ะอาหารที่เหมาะสมจะช่วยสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ และจะช่วยบ่งบอกถึงลักษณะหรือประเภทของอาหารที่ห้องอาหารแต่ละแห่งมีไว้ให้บริการลูกค้าที่สามารถคาดเดาได้จากการสังเกตุการจัดโต๊ะของทางร้าน นอกจากนี้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารที่จัดไว้รอรับลูกค้ายังเปรียบเสมือนสิ่งของเครื่องประดับตกแต่งร้านให้มีความสวยงามและน่าสนใจนอกเหนือจากสิ่งของตกแต่งร้านอื่นๆ อีกด้วยแม้ว่าร้านอาหารแต่ละร้านจะมีอาหารไว้บริการลูกค้าที่แตกต่างกันไป แต่ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารยุโรป หรืออาหารนานาชาติมักจะมีหลักและรูปแบบวิธีการจัดโต๊ะอาหารสำหรับอาหารแต่ละมื้อ หรือแต่ละโอกาสที่เป็นแบบแผนเหมือนๆ กัน จะต่างกันไปบ้างก็ตรงที่การจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับอาหารเมนูพิเศษเป็นการเฉพาะ

รูปแบบการจัดโต๊ะอาหารต่างๆ

*** อุปกรณ์ตักอาหาร (Flatware) ภาชนะอาหาร (Dinnerware) และแก้วเครื่องดื่ม (Glassware) ที่จะอธิบายต่อไปนี้ จะเป็นการจัดวางเรียงลำดับจากด้านซ้ายมือไปทางด้านขวามือ

การจัดโต๊ะอาหารเช้า

อุปกรณ์ตักอาหาร: ซ่อมหลัก มีดหลัก ช้อนชาภาชนะอาหาร: จานขนมปังและเนย จานอาหารหลัก ถ้วยชา/กาแฟ จานรองถ้วยแก้วเครื่องดื่ม: แก้วน้ำ แก้วน้ำผลไม่(ไม่ได้แสดงในภาพ)ผ้าเช็ดปาก: พับแบบทะแยงมุม วางด้านซ้ายมือสุด โดยให้มุมสามเหลี่ยมอยู่ด้านนอก

การจัดโต๊ะอาหารกลางว้น

อุปกรณ์ตักอาหาร: ซ่อมสลัด ซ่อมหลัก มีดหลัก ช้อนชาภาชนะอาหาร: จานขนมปังและเนย จานอาหารกลางวันแก้วเครื่องดื่ม: แก้วน้ำ แก้วไวน์ (ไม่ได้แสดงไว้ในภาพ)ผ้าเช็ดปาก: พับในลักษณะสี่เหลี่ยมขนาด 1 ใน 4 วางไว้ด้านซ้ายมือสุด

การจัดโต๊ะอาหารค่ำทั่วไป

อุปกรณ์ตักอาหาร: มีดเนย (วางบนจานขนมปังและเนย) มีดสลัด มีดหลัก ช้อนชาภาชนะอาหาร: จานขนมปังและเนย จานหลัก จานสลัดแก้วเครื่องดื่ม: แก้วน้ำขาสูง (Water Goblet) แก้วไวน์ผ้าเช็ดปาก: พับในลักษณะสี่เหลี่ยมขนาด 1 ใน 4 วางซ่อมทับไว้ด้านบน

การจัดโต๊ะอาหารค่ำแบบทางการ

อุปกรณ์ตักอาหาร: มีดเนย (วางบนจานขนมปังและเนย) ซ่อมสลัด ซ่อมหลัก มีดหลัก ช้อนซุป ช้อนชาภาชนะอาหาร: จานสลัด จากขนมปังและเนย จานบริการ จานสลัดบนจานบริการ ถ้วยชา/กาแฟรพร้อมจานรองแก้วเครื่องดื่ม: แก้วน้ำขาสูง (Water Goblet) แก้วไวน์ แก้วเชมเปญ (วางไว้นอกสุดหลังแก้ว 2 ใบแรก)ผ้าเช็ดปาก: พับในรูปแบบที่สวยงามสะดุดตา มีความสร้างสรร วางไว้บนจานสลัดที่วางซ้อนอยู่บนจานบริการ

การจัดโต๊ะอาหารค่ำแบบยุโรป

อุปกรณ์ตักอาหาร: มีเนย (วางไว้บนจานขนมปังและเนย) ซ่อมอาหารค่ำขนาดยุโรป/ขนาดอเมริกัน ซ่อมปลา มีดปลา มีดอาหารค่ำขนาดยุโรป มีดอาหารหวาน ช้อนซุป ช้อนชาภาชนะอาหาร: จานขนมปังและเนย จานบริการ จานสลัดวางซ้อนไว้บนจานบริการแก้วเครื่องดื่ม: แก้วน้ำขาสูง (Water Goblet) แก้วไวน์แดง แก้วไวน์ขาว แก้วเชมเปญ (วางไว้นอกสุดหลังแก้ว 2 ใบแรก)ผ้าเช็ดปาก: พับในรูปแบบที่สวยงามสะดุดตา มีความสร้างสรร วางไว้บนจานสลัดที่วางซ้อนอยู่บนจานบริการ

การจัดโต๊ะจัดเลี้ยงอาหารค่ำ

อุปกรณ์ตักอาหาร: มีดเนย (วางไว้บนจานขนมปังและเนย) ซ่อมสลัด ซ่อมหลัก มีดหลัก ช้อนซุป ช้อนชาภาชนะอาหาร: จานขนมปังและเนย จานหลัก จานสลัดวางบนจากหลัก ถ้วยชา/กาแฟและจานรองแก้วเครื่องดื่ม: แก้วน้ำขาสูง แก้วไวน์แดง แก้วไวน์ขาวผ้าเช็ดปาก: พับเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด 1 ใน 4 วางไว้บนจานสลัดที่วางซ้อนอยู่บนจานหลัก

Final Tips

การจัดโต๊ะอาหารควรมีความกว้างของพื้นที่ประมาณ 24 นิ้ว (2 ฟุต) เป็นอย่างน้อยวางจานหลัก ให้ขอบจานห่างจากขอบโต๊ะประมาณ 1 นิ้ววางมีดให้หันด้านมีคมเข้าหาจานการจัดเรียงอุปกรณ์ตักอาหาร ให้จัดเรียงตามลำดับการใช้งาน หรือลำดับของอาหารที่เสิร์ฟแต่ละคอร์ส โดยอุปกรณ์ตักอาหารที่ใช้งานก่อนอยู่ด้านนอกสุด เรียงเข้ามาอาหารคอร์สสุดท้ายที่จะวางอุปกรณ์ตักอาหารไว้ด้านในสุดการวางแก้วเครื่องดื่ม จัดเรียงจากขวามาซ้าย ดังนี้ แก้วไวน์ขาว แก้วไวน์แดง แก้วน้ำ หรือแก้วเครื่องดื่มเย็นอื่นๆถ้ามีการเสิร์ฟแชมเปญด้วย แก้วเชมเปญจะวางไว้ที่ด้านหลังแก้วไวน์แดงและไวน์ขาวซ่อมสำหรับอาหารทะเลจะวางไว้ด้านขวามือของช้อนซุป ยกเว้นเป็นการเสิร์ฟแบบค็อกเทลอาหารทะเลที่จะวางไว้บนจานค็อกเทลต่างหาก ไม่ได้จัดวางไว้บนโต๊ะหมายเหตุ : ข้อมูลการจัดโต๊ะอาหารนี้นำมาจาก Oneida Customer Service Table Setting Guide

Friday, November 15, 2013

สิ่งที่ควรรู้ 55


สิ่งที่ควรรู้ 54


สิ่งที่ควรรู้ 53


สิ่งที่ควรรู้ 52


สิ่งที่ควรรู้ 51


สิ่งที่ควรรู้ 50


สิ่งที่ควรรู้ 49


สิ่งที่ควรรู้ 48


สิ่งที่ควรรู้ 47


สิ่งที่ควรรู้ 46


สิ่งที่ควรรู้ 45


สิ่งที่ควรรู้ 44


สิ่งที่ควรรู้ 43


สิ่งที่ควรรู้ 42


สิ่งที่ควรรู้ 41


Friday, November 1, 2013

วันระลึกถึงผู้ล่วงลับ

เทศกาล ระลึกถึงผู้ล่วงลับ ของชาวคริสต์ คาทอลิก

วันฉลองนักบุญทั้งหลาย
วันฉลองนักบุญทั้งหลายของชาวคริสต์ มีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 731 โดย พระสันตะปาปาเกรโกรี ที่ 3 ทรงเป็นผู้กำหนดให้บรรดา คริสตัง “ฉลองนักบุญทั้งหลาย” วันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งพระองค์ทรงย้ายจากวันฉลองเดิมคือ 13 พฤษภาคม เพื่อจะอุทิศวันนี้แก่วัดนักบุญทั้งหลายอันเป็นวัดน้อยอยู่ในพระมหาวิหารนักบุญเปโตร, กรุงโรม และ “วันฉลองนักบุญทั้งหลาย” 1 พฤศจิกายน ก็แพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ปีนั้นเอง พอในปี ค.ศ.998 นักบุญโอดิโล, อธิการอารามแห่งคลุนนี่ ในประเทศฝรั่งเศส ก็ได้เพิ่มเอาวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันระลึกถึงบรรดาวิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหลาย ดังนั้นพระศาสนจักรคาทอลิกซึ่งมีวันฉลอง “บรรดานักบุญทั้งหลาย” แล้ว ก็ยังมีวันฉลอง “บรรดาผู้ล่วงลับ” ไปแล้วทุกคนติดกัน คือวันที่ 1 และ 2 พฤศจิกายน ตามลำดับ
ธรรมเนียมชาวไอริช แต่บรรดาคริสตังชาวไอริชเป็นพวกแรกที่คิดว่ามีการคิดถึง “นักบุญ”, “วิญญาณในไฟชำระ” แต่ไม่มีใครคิดถึงวิญญาณที่เหลือ ซึ่งอาจจะเป็นคนไม่ค่อยดำเนินชีวิตตามความเชื่อ, อาจจะอยู่ในนรก ดังนั้นพวกคริสตังชาวไอริชจึงเริ่มธรรมเนียมตีกระทะและหม้อในเย็นวันสุกดิบ ก่อนจะฉลอง “นักบุญทั้งหลาย” (All Hallow Eve) เพื่อให้ผู้ตายที่ไม่ได้รับความรอดเหล่านั้น รู้ว่า พวกเขาก็ยังมีคนระลึกถึงอยู่ แต่นี่ก็ยังไม่เหมือนงานวัน “ฮาโลวีน” ที่ปัจจุบันกระทำกันอยู่ มันยังรอผสมเข้ากับธรรมเนียมอีกสายหนึ่ง…
ธรรมเนียมชาวฝรั่งเศส ราวศตวรรษที่ 14 หรือ 15, ในประเทศฝรั่งเศส ช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาด เป็นฝีตายกันเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดประชากรในทวีปยุโรปหดหายไปครึ่งหนึ่ง บรรดาศิลปินก็จะบรรยายความน่ากลัวของ “ความตายสีดำ” ของโรคระบาดนี้ ด้วยการวาดภาพบนกำแพงสุสานเป็นภาพบรรดาปีศาจเดินนำฝูงชนที่ถูกล่ามโซ่ไว้เป็นแถวยาวเดินลงสู่หลุมฝังศพ ภาพเหล่านี้เรียกว่า “ระบำแห่งความตาย” (Dance of Death) หรือ (The Dance Macabre) บางทีการแสดงออกของระบำความตายก็แสดงได้ด้วยการแต่งชุดเหมือนผู้ตายในวัน “ฉลองนักบุญทั้งหลาย” (1 พฤศจิกายน) ดังนั้นเราจะเห็นว่าคริสตังชาวไอริชระลึกถึงผู้ล่วงลับที่ไม่ได้รับความรอด วันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย (31 ตุลาคม) แต่ไม่ได้แต่งตัวอะไร และคริสตังชาวฝรั่งเศสระลึกถึงความตายอันเกิดจากโรคระบาดโดยการแต่งชุดเหมือนผู้ตายในวันฉลองนักบุญ ทั้งหลาย (1 พฤศจิกายน)
การรวมธรรมเนียมทั้งสอง ที่สุดราวศตวรรษที่ 18 เมื่อคริสตังไอริชและคริสตังฝรั่งเศสที่อพยพ มาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเริ่มสร้างชาติใหม่ๆ พวกเขาได้แต่งงานกัน และก็นำธรรมเนียมทั้งสองมาผสมกันด้วยการแต่งชุดต่างๆ ในวันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย จึงเป็นที่มาของวัน “ฮาโลวีน” ในปัจจุบันคือ 31 ตุลาคม

Sunday, October 13, 2013

10 อันดับเรื่องลี้ลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้

อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว (CRYSTAL SKULLS : SOUTHERN MEXICO)

ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบ ข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่คนยุคปัจจุบัน 
อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)

ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น
อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)

ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน
อันดับ 7 : หีบพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ (ARK OF THE COVENANT : ETHIOPIA)

คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงองค์พระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)

พบ กับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้

อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)

คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? คดี ที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???
อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)

บน โลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง
อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)

วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้
อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)

เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจ เป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป
อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)

มัน คงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?

ที่มา.exteen.co