Friday, September 27, 2013

10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก




  1. เกาะโซโคตร้า (Socotra Island)

          เกาะโซโคตร้า เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้ง 4 ของประเทศเยเมน ในมหาสมุทรอินเดีย เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่แสนสงบและมีภูมิประเทศ ภูมิอากาศเฉพาะตัว ทำให้เหมาะแก่การเติบโตของพืชสายพันธุ์แปลก ๆ ที่หาชมไม่ได้ที่ไหน เพราะมีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดกว่าพืชชนิดอื่นบนโลก  ซึ่งต้นไม้บางต้นคงอยู่บนเกาะนี้มานานกว่า 20 ล้านปีแล้ว จากความงดงามและความแปลกประหลาดของพืชพรรณชนิดต่าง ๆ เหล่านี้เองที่ทำให้เกาะแห่งนี้ดูราวกับเป็นสถานที่บนดาวดวงอื่น และเกาะโซโคตร้าแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกแล้ว เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 2.  บ่อน้ำพุร้อนแกรนด์พรีสเมติก (Grand Prismatic Spring)

          บ่อน้ำพุร้อนแกรนด์พรีสเมติก เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา ซึ่งสีสันที่แบ่งเฉดเป็นสีน้ำเงินตรงกลางบ่อและสีส้มที่ขอบบ่อนี้เองที่ทำให้สถานที่แห่งนี้งดงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย จนไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงการแบ่งเฉดสีของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ว่า ขอบบ่อที่เป็นสีส้มนั้นเกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอย่างหนาแน่นบริเวณขอบบ่อ เนื่องจากภายในบ่อนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมนั่นเอง

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


3. พามุกคาเล (Pamukkale)

          พามุกคาเล เป็นระเบียงบ่อน้ำพุร้อนที่แสนจะงดงามแห่งประเทศตุรกี ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต โดยความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้ก็เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็ทำให้ค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเอง

          สำหรับคำว่าพามุกคาลานั้นเป็นภาษาตุรกีอันหมายถึง ปราสาทฝ้าย แต่ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันที่สร้างเมืองอยู่เหนือสระน้ำแห่งนี้ได้เรียกมันว่า เฮราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ ด้วยสรรพคุณในการรักษาบำบัดอาการต่าง ๆ ของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ ทำให้มันถูกใช้เป็นสปาบำบัดมานานกว่าพันปี แต่ในตอนนี้พามุกคาเลที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้นได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปอาบแช่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้สถานที่แห่งนี้เกิดความเสียหายขึ้นนั่นเอง

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 4. แม่น้ำสีแดง (Rio Tinto River)

          แม่น้ำสีแดง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสเปน มีต้นน้ำไหลมาจากภูเขาเซียร์ร่า โมรีน่า โดยสำหรับสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นเกิดขึ้นจากแร่โลหะชนิดต่าง ๆ ที่อยู่รอบแม่น้ำสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นแร่ทองแดง แร่เหล็ก แร่โลหะ และแร่อื่น ๆ ซึ่งทำให้น้ำในแม่น้ำมีความเป็นกรดสูงมากจนเปลี่ยนเป็นสีแดง เกิดเป็นสถานที่สุดแปลกพิลึกและได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศสเปนในที่สุด  

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 5. ภูเขาโรไรม่า (Mount Roraima)

          ภูเขาโรไรม่า ตั้งอยู่ในเมืองไรโรม่าของประเทศบราซิล ในอเมริกาใต้ บนพรมแดนที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 ประเทศ คือ เวเนซูเอลา บราซิล และกายอานา ซึ่งสิ่งที่ทำให้ภูเขาโรไรม่าได้กลายเป็นสถานที่สุดแปลกของโลกก็คือลักษณะของยอดเขาที่แบนเรียบเหมือนกับพื้นโต๊ะ ราวกับธรรมชาติจับปั้น  ล้อมรอบด้วยผาแนวดิ่งสูง 400 เมตร

          และสำหรับนักผจญภัยที่ต้องการไต่เขาลูกนี้เพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์บนยอดเขานั้น หนทางที่ดีที่สุดก็คือการไต่ขึ้นบันไดตามธรรมชาติจากผาฝั่งประเทศเวเนซูเอลา แต่สำหรับนักไต่เขาที่ต้องการความท้าทายมากขึ้นนั้น อาจไต่เขาขึ้นจากผาฝั่งประเทศบราซิล และกายอานา ซึ่งไต่ขึ้นไปได้ยากกว่า

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 6. น้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond)

          ด้วยความงดงามจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติที่มีความแปลกไม่เหมือนใครนี้เองที่ทำให้ น้ำพุร้อนสีเลือด หรือ นรกขุมที่เก้าแห่งเบปปุแห่งนี้กลายมาเป็นน้ำพุร้อนที่โด่งดังที่สุดของเมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น ซึ่งสีแดงราวกับเลือดของน้ำพุร้อนแห่งนี้เกิดจากน้ำที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่สูงมากนั่นเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากน้ำมีธาตุเหล็กผสมอยู่มากทำให้น้ำพุร้อนแห่งนี้ไม่เหมาะแก่การลงแช่ หรือใช้อาบน้ำ มันจึงถูกใช้เป็นสถานที่ชมวิวไปนั่นเอง 

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 7. ภูเขาช็อกโกแลต (Chocolate Hills)

          สำหรับสถานที่สุดแปลกบนโลกของเราอีกที่หนึ่งคงจะหนีไม่พ้น ภูเขาช็อกโกแลต แห่งเกาะโบโฮล สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งภูเขานับ 1,268 ลูกที่เรียงรายอยู่นั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกรวยคว่ำเหมือนกัน ทั้งยังมีขนาดที่ใกล้เคียงกันในช่วงความสูงตั้งแต่ 30-50 เมตร อย่างไรก็ดีสำหรับชื่อภูเขาช็อกโกแลตของสถานที่แห่งนี้ มีที่มาจากสภาพของต้นหญ้าสีเขียวที่ขึ้นคลุมภูเขาแต่ละลูกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในฤดูแล้ง

          นอกจากนี้ ในประเทศฟิลิปปินส์ยังได้มีตำนานหนึ่งที่เล่าถึงต้นกำเนิดของภูเขาช็อกโกแลตด้วยว่า ภูเขาเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการต่อสู้กันระหว่างยักษ์ทั้ง 2 ตัว ซึ่งยักษ์ตัวหนึ่งได้ล้มตายจากการต่อสู้นั้น ยักษ์ที่เป็นคู่รักของมันจึงได้ร้องไห้จนหยดน้ำตาหล่นร่วงบนพื้นดินแล้วเกิดเป็นภูเขาแต่ละลูกนั่นเอง

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 8. ซาลาร์ เดอ ยูยูนิ (Salar de Uyuni)
          ซาลาร์ เดอ ยูยูนิ เป็นทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ใกล้ยอดของเทือกเขาแอนดีส ซึ่งชั้นเกลือของสถานที่แห่งนี้เป็นคราบเกลือที่หลงเหลือมาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีความหนาเป็นเมตร ทำให้ชั้นเกลือเหล่านี้สามารถรองรับน้ำหนักของรถที่แล่นผ่านทะเลเกลือแห่งนี้ได้โดยไม่แตก และนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินไปบนชั้นเกลือเหล่านี้เพื่อชื่นชมกับทัศนียภาพสุดอัศจรรย์ของมันได้

          สำหรับภาพที่งดงามที่สุดของทะเลเกลือแห่งนี้จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ที่ทะเลเกลือจะถูกปกคลุมไว้ด้วยผืนน้ำซึ่งจะสร้างภาพสะท้อนของผืนฟ้าอย่างงดงาม ชนิดที่เราสามารถเห็นฟ้าจรดฟ้าได้เลยทีเดียว

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก
 

 9. ทะเลสาบโมโน (Mono Lake)

          ทะเลสาบโมโน แห่งรัฐแคลิฟลอเนีย สหรัฐอเมริกาเป็นทะเลสาบที่ไม่มีทางออกสู่มหาสมุทร ทำให้น้ำในทะเลสาบมีความเค็มอยู่มาก ซึ่งปริมาณเกลือในทะเลสาบแห่งนี้เองที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของบรรดากุ้ง ในทุก ๆ ฤดูจึงมักจะมีฝูงนกนับพันตัวบินถลาลงมาหากุ้งกินเป็นอาหาร และด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ผสานกับระบบนิเวศเล็ก ๆ นี้เองที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ได้ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบสถานที่สุดแปลกของโลก 

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


 10. ประตูนรก (Hell's Door)

          ประตูนรก แห่งเติร์กเมนิสถาน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่รวมไว้ทั้งความแปลกและความน่ากลัว จากสภาพหลุมขนาดยักษ์ ลึกกว่า 70 เมตร ที่มีเปลวเพลิงลุกท่วมตลอดเวลา จนดูราวกับประตูสู่ขุมนรกที่ร้อนระอุ สำหรับประตูนรกแห่งนี้เดิมทีเป็นเหมืองร้างซึ่งมีหลุมขนาดใหญ่ที่มีก๊าซพวยพุ่งออกมา ใน ค.ศ. 1971 คนงานของเหมืองรายหนึ่งจึงตัดสินใจจุดไฟเผาไหม้ก๊าซในหลุม โดยหวังว่าเมื่อก๊าซถูกเผาจนหมด เปลวไฟนั้นจะมอดดับไปเอง โดยที่เขาไม่ทราบเลยว่าแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานหลายปี เปลวไฟที่ลุกท่วมหลุมประตูนรกนี้จะยังคงลุกโชนไม่รู้ดับต่อไป

สถานที่มหัศจรรย์ 10 อันดับสถานที่มหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก

  




ตึกที่สูงที่สุดในโลก 10 อันดับ

อันดับ 10. Two International Finance Centre, Hong Kong
ตึก Two International Finance Centre ตั้งอยู่ที่ ฮ่องกง เสร็จสมบูรณ์ในปี 2003 เป็นตึกระฟ้าสุดทันสมัยและสวยงาม ภายนอกอาคารตกแต่งด้วยกระจกสะท้อนอนาคต ความสูงอยู่ที่ระดับ 1,352 ฟุต เป็นหนึ่งในไม่กี่โครงสร้างในโลกที่มีลิฟท์สองชั้น!
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 9. Willis Tower, Chicago
Willis Tower หรือชื่อเดิมคือ Sears Tower ตั้งอยู่ที่ เมืองชิคาโก เป็น ตึกที่สูงที่สุดในอเมริกา ด้วยระดับความสูง 1,353 ฟุต มีการวางศิลาฤกษ์ของอาคาร 110 ชั้น แห่งนี้ ใน เดือนสิงหาคม ปี 1970 และสร้างเสร็จในปี 1973 ความพิเศษอยู่ที่ ชั้น 103 มีจุดชมวิวยื่นออกจากตัวตึก ให้นักท่องเที่ยวมองเห็นเมืองชิคาโกได้อย่างเต็มตา
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 8. The Trump International Hotel, Chicago
10 อันดับ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012
ตึกกระจกสุดมันวาว Trump International Hotel อีกหนึ่งตึกสูงระฟ้าที่อยู่ในเมืองชิคาโก มีความสูง 1,362 ฟุต ประกอบด้วย 92 ชั้น เคยติดอันดับ ตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ใน ปี 2009
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 7. The Jin Mao Building, Shanghai, China
Jin Mao Building ตั้งตระหง่านอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างขึ้นแทนที่ King Towerเป็น ตึกที่สูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ เสร็จสมบูรณ์ใน ปี 1999 ด้วยความสูง 1,380 ฟุต เป็นทั้งโรงแรม สำนักงาน สถานบันเทิง มีทั้งหมด 88 ชั้น ให้บริการด้วยลิฟท์ถึง 130 ตัว!
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 6. Guangzhou West Tower, China
Guangzhou West Tower ยึดตำแหน่งหนึ่งใน ตึกที่สูงที่สุดในโลก 2012 ที่ระดับ 1,444 ฟุต ตั้งอยู่ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ภายในตึกระฟ้า 103 ชั้น ทำหน้าที่เป็นทั้งโรงแรม สำนักงาน และศูนย์การประชุม เปิดให้บริการในปี 2010 ตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ตึกแฝด Guangzhou Twin Towers Complexซึ่ง Guangzhou East Tower จะคลอดในปี 2016
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 5. Greenland Financial Center, Nanjing, China
Greenland Financial Center ตึกระฟ้าแห่ง หนานจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีระดับความสูงที่ 1,476 ประกอบด้วย 71 ชั้น เริ่มสร้างใน ปี 2005 เสร็จสิ้นในปี 2010 เปิดให้บริการด้านโรงแรมและสถานบันเทิง
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 4. Petronas Towers, Kuala Lumpur, Malaysia
ตึกที่สูงที่สุดในโลก
Petronas Towers แห่ง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สูง 1,483 ฟุต สร้างเสร็จใน ปี ค.ศ. 1998 และครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก จนโดนโค่นแชมป์ใน ปี 2003 ความโดดเด่นอยู่ที่ สะพานเชื่อมอาคาร ซึ่งมีน้ำหนัก 750 ตัน อยู่ที่ชั้น 42 และ 43 ปัจจุบัน Petronas Towers ยังครองแชมป์ ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 3. Shanghai World Financial Center, China
ตึกที่สูงที่สุดในโลก
ด้วยความสูง 1,614 ฟุต จึงทำให้ Shanghai World Financial Center ของจีน ถูกคาดหวังว่าจะเป็นผู้ทำลายสถิติ ตึกที่สูงที่สุดในโลก จาก Petronas Towers แต่เหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้กระเป๋าแห้งซะก่อน การก่อสร้างเริ่มใน ปี 1997 แต่หยุดชะงักลงกลางครันไปหลายปี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่เมื่อแล้วเสร็จ ก็ต้องระเห็ดตกเก้าอี้แชมป์ ไม่เป็นดังหวัง เมื่อ Taipei 101 ผงาดค้ำฟ้าในเวลาไล่เลี่ย ด้วยความสูงที่เหนือกว่า คว้าตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ตัดหน้า Shanghai World Financial Center ไปซะงั้น!
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 2. Taipei 101, Taiwan
Taipei 101 ตาอยู่ผู้ทำลายสถิติ ครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2003 ด้วยการเพิ่มยอดเสาตึกจนมีความสูง 1,676 ฟุต ตั้งตระหง่านอยู่ที่ เขตซินยี เมืองไทเป แห่ง ไต้หวัน มีทั้งหมด 91 ชั้น เป็นทั้งศูนย์บริการด้านการเงิน สำนักงาน แหล่งช้อปปิ้ง และติดอันดับ ลิฟท์สองชั้นที่เร็วที่สุดในโลก
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 1. Burj Khalifa, Dubai
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012
มาถึงแชมป์ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อย่าง Burj Khalifa แห่ง ดูไบ ความสูงเข้าวิน ด้วยระดับ 2,717 ฟุต อาคารสูง 160 ชั้น แห่งนี้ เป็นทั้งอพาร์ตเมนท์ โรงแรม สำนักงาน ภัตตาคารหรู ด้วยที่สุดของความสูงเสียดฟ้า จึงผงาดอย่างเนียนๆ เฉือนมาอีก 2 ตำแหน่ง “ลิฟท์ที่สูงที่สุดในโลก” และ “จุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลก” คิดมาคิดไป มันก็ต้องแน่น่ะสิ ยิงปืนนัดเดียว มีเอี่ยวไปหลายแชมป์!
อย่างไรก็ตาม บนโลกที่ไม่หยุดนิ่ง ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ว่า Burj Khalifa จะครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ได้นานเท่าไหร่ เพราะแว่วว่า Azerbaijan Tower กำลังจะมาพร้อมความสูงเว่อร์ 3,440 ฟุต!

Grand Canyon

 แกรนด์แคนยอนถือเป็นความมหัศจรรย์ ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอนุรักษ์สถาน ของโลกโดยตามสภาพภูมิศาสตร์และการลงมติของสหประชาชาติ สำรวจพบสถานที่แห่งนี้ เมื่อปี ค.ศ.1776 ปีเดียวกับที่อเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษ แต่เพิ่งมารู้ว่ามีแม่น้ำโคโรลาโดไหลผ่านในปี ค.ศ1857 แม่น้ำโคโลราโด ไหลจากทิศเหนือไปใต้สู่ทะเลสาบมี๊ด ระยะทางประมาณ 200 ไมล์ Grand Canyon ถูกจัด ให้เป็นวนอุทยานแห่งชาติของสหรัฐ

       แกรนอ์แคนยอนเกิดขึ้นโดยอิทธิพลของแม่น้ำโคโลราโด ไหลผ่านที่ราบสูงทำให้เกิดการสึกกร่อน พังทะลายของหินเป็นเวลา 225 ล้านปีมาแล้ว เดิมทีแม่น้ำโคโลราโดมีสภาพเป็นลำธารเล็กๆที่ไหลคดเคี้ยวไป ตามที่ราบกว้างใหญ่ที่อยู่ ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากแรงดันและ ความร้อนอันมหาศาลภายใต้พื้น โลกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูป และกลายเป็นแนวเทือกเขากว้างใหญ่ การยกตัว ของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธาร ไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตาม น้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยในเปลือกโลก วัดจากขอบลงไปก้นหุบเหวกว่า 1 ไมล์ ( ประมาณ 1,600 เมตร ) และอาจลึกว่าสองเท่า ของความหนาของเปลือกโลก ก่อให้เกิดหินแกรนิต หินชั้นแบบต่าง ๆ พื้นดินที่เป็น หินทรายถูกน้ำ และลมกัดเซาะ จนเป็นร่องลึกสลับซับซ้อนนานนับล้านปี เป็นแคนยอนงดงามน่าพิศวงเนื่อง จากผลของดินฟ้าอากาศ ความร้อนเย็นซึ่งมีอิทธิพลรอบด้าน 

       ทางตะวันตกของแม่น้ำโคโลราโด มีลักษณะคดเคี้ยวไปมาน่าสับสนและเป็นที่ตั้งส่วนหนึ่ง ของแกรนด์แคนยอนด้วย โดยยาวถึง 150-200 ไมล์ บริเวณนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ มากที่สุดจุดหนึ่ง ซึ่งก็คงเป็นเพราะทัศนียภาพที่แปลกตาของความลึกของหุบเขาและลักษณะของ แม่น้ำที่มีรูปร่างทรงกรวยและไหลเป็นหลั่น ๆ ชั้นลงไปโดยเกิดจากลาวาที่ทับถมจากภูเขาไฟเมื่อหลาย ล้านปีก่อนนั่นเอง

       บริเวณหน้าผาของแกรนด์ แคนยอน แม่น้ำโคโลราโดได้เดินทางมาบรรจบ กับแม่น้ำ"เวอร์จิน" ซึ่งเป็นที่ตั้งของทะเลสาบ "มี๊ด" ด้วยจุดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดสิ้นสุดของแกรนด์ แคนยอนเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดสำคัญทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่ง อย่างดีทั้งนี้เพราะสภาพบรรยากาศที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบ กับที่ราบสูงโคโลราโดทางตะวันออก 2 จุดนี้เป็นจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของโครงสร้าง ภูมิศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์

        ในทางใต้ของแม่น้ำสายนี้ จะเป็นทางลาดลงไปกว่า 3,000 ฟุต โดยเกิดจากดินทรายที่พัดพ ามาจากที่สูงแถบนี้เป็นที่ตั้งของที่ราบสูง "ตอนใต้" และห่างออกไป 70 ไมล์ก็เป็นที่ตั้งของช่องแคบ "อินเนอร์ กอร์จ"ที่เป็นรูปตัว "วี" แคบ ๆ และกว้าง 300 ฟุตนอกจากนี้สีสรรของสายน้ำก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย บางวันก็เป็นสีน้ำตาล บางวันก็เป็นสีเขียว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนของตะกอนที่พัดพามาแต่ละวัน

       นอกจากนั้น ในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ยังมีการค้นพบร่องรอยอารยธรรม ของชาวอินเดียน แดงโบราณ ซึ่งยังมีลูกหลานดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม และบางส่วนก็ยังคงอยู่ที่ แกรนด์แคนยอน จนถึงทุกวันนี้ เช่น อินเดียนแดงเผ่า Hopis, Havasupais, Navajos, Hualapais, Paiutes, Pueblos เป็นต้น

       ทุก ๆ ปีจะมีคนไปชมความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน 








Friday, September 20, 2013

7 เทคนิคลัด เทคนิคลับ ในการอ่านหนังสือให้จำ ในเวลาที่จำกัด

1. ต้องสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือซะก่อน หากมีทัศนคติที่แย่ๆ ต่อการอ่านหนังสือแล้ว อ่านถึง 10 รอบก็ไม่มีทางจำได้ อ่านเยอะอย่างไรก็ไม่เข้าหัวหรอก
2. เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือแล้ว ก็ต้องมาสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือด้วย แรงจูงใจจะเป็นตัวผลักดัน และกระตุ้นให้เพื่อนๆ มีความอยากในการอ่านหนังสือ วิธีการสร้างแรงจูงใจก็คือพยายามคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราอ่านหนังสือสำเร็จ เช่น ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือและเตรียมความฟิตให้ตัวเองจนพร้อมแล้ว เราก็สามารถตะลุยข้อสอบได้ ผลก็คือได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ จากจุดนี้ก็จะทำให้เพื่อนๆ ได้เกรดสูงๆ หรือไม่ก็ Admissions ติด พ่อ แม่ พี่ น้อง ก็จะดีใจ หรืออาจจะได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากท่านอีกก็ได้
3. พยายามสรุปเรื่องที่เราอ่านแล้วจำเป็นรูปภาพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่องราวทั้งหมดเป็นรูปภาพ หลายๆ วิชาที่ไม่มีรูปภาพประกอบทำให้เราอ่านแล้วไม่สามารถจินตาการ หรือจดจำได้ ให้เพื่อนๆ สรุปเรื่องที่เราอ่านแล้ว นำมาทำเป็น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สัมพันธ์กัน และวาดให้เป็นความเข้าใจของตัวเอง จะทำให้จำได้แม่นขึ้น
4. หาเวลาติวให้เพื่อน เป็นวิธีการทบทวนความรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพราะเราจะสอนออกมาจากความเข้าใจของตัวเราเอง หากติวแล้วเพื่อนที่เราติวให้เข้าใจ ถือว่าเราแตกฉานในความรู้นั้นได้อย่างแท้จริง
5. เน้นการตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยายามหาข้อสอบย้อนหลังมาทำให้ได้มากที่สุด เพราะการตะลุยโจทย์จะทำให้เราจำได้ง่ายกว่าการอ่านเนื้อหา
6. เตรียมตัว และให้ความสำคัญในการอ่านหนังสือในวิชาที่เราถนัดมากกว่าวิชาที่ดันไม่ขึ้น เพื่อนๆ หลายคนเข้าใจผิด ไปทุ่มเทเวลาให้กับวิชาที่เราไม่ถนัด วิชาไหนที่เราไม่ถนัด ดันยังไงมันก็ไม่ขึ้น เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทุ่มให้กับวิชาที่เราทำได้ให้ชัวร์ดีกว่า จะได้เอาคะแนนไปถัวเฉลี่ยกับวิชาอื่นๆ แบบนี้เข้าท่ากว่าเยอะนะ
7. สมาธิเป็นสิ่งสำคัญมากในการอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีสมาธิดี ใครที่สมาธิสั้น จะจำยาก ลืมง่าย ใครสมาธิดี จะจำง่าย ลืมยาก การอ่านหนังสือ ต้องอ่านต่อเนื่องอย่างน้อย ชั่วโมงครึ่ง 30 นาทีแรกจิตใจของเรากำลังฟุ้ง ให้พยายามปรับให้นิ่ง 60 นาทีหลัง ใจนิ่งมีสมาธิแล้ว ก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้าสู่สมอง ที่สำคัญอย่าเอาขยะมาใส่หัว ห้ามคิดเรื่องพวกนี้ซักพัก เช่น เรื่องหนัง , เกม , แฟน พยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจเรานิ่งขึ้น
1. ต้องสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือซะก่อน หากมีทัศนคติที่แย่ๆ ต่อการอ่านหนังสือแล้ว อ่านถึง 10 รอบก็ไม่มีทางจำได้ อ่านเยอะอย่างไรก็ไม่เข้าหัวหรอก
2. เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือแล้ว ก็ต้องมาสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือด้วย แรงจูงใจจะเป็นตัวผลักดัน และกระตุ้นให้เพื่อนๆ มีความอยากในการอ่านหนังสือ วิธีการสร้างแรงจูงใจก็คือพยายามคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราอ่านหนังสือสำเร็จ เช่น ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือและเตรียมความฟิตให้ตัวเองจนพร้อมแล้ว เราก็สามารถตะลุยข้อสอบได้ ผลก็คือได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ จากจุดนี้ก็จะทำให้เพื่อนๆ ได้เกรดสูงๆ หรือไม่ก็ Admissions ติด พ่อ แม่ พี่ น้อง ก็จะดีใจ หรืออาจจะได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากท่านอีกก็ได้
3. พยายามสรุปเรื่องที่เราอ่านแล้วจำเป็นรูปภาพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่องราวทั้งหมดเป็นรูปภาพ หลายๆ วิชาที่ไม่มีรูปภาพประกอบทำให้เราอ่านแล้วไม่สามารถจินตาการ หรือจดจำได้ ให้เพื่อนๆ สรุปเรื่องที่เราอ่านแล้ว นำมาทำเป็น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สัมพันธ์กัน และวาดให้เป็นความเข้าใจของตัวเอง จะทำให้จำได้แม่นขึ้น
4. หาเวลาติวให้เพื่อน เป็นวิธีการทบทวนความรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพราะเราจะสอนออกมาจากความเข้าใจของตัวเราเอง หากติวแล้วเพื่อนที่เราติวให้เข้าใจ ถือว่าเราแตกฉานในความรู้นั้นได้อย่างแท้จริง
5. เน้นการตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยายามหาข้อสอบย้อนหลังมาทำให้ได้มากที่สุด เพราะการตะลุยโจทย์จะทำให้เราจำได้ง่ายกว่าการอ่านเนื้อหา
6. เตรียมตัว และให้ความสำคัญในการอ่านหนังสือในวิชาที่เราถนัดมากกว่าวิชาที่ดันไม่ขึ้น เพื่อนๆ หลายคนเข้าใจผิด ไปทุ่มเทเวลาให้กับวิชาที่เราไม่ถนัด วิชาไหนที่เราไม่ถนัด ดันยังไงมันก็ไม่ขึ้น เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทุ่มให้กับวิชาที่เราทำได้ให้ชัวร์ดีกว่า จะได้เอาคะแนนไปถัวเฉลี่ยกับวิชาอื่นๆ แบบนี้เข้าท่ากว่าเยอะนะ
7. สมาธิเป็นสิ่งสำคัญมากในการอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีสมาธิดี ใครที่สมาธิสั้น จะจำยาก ลืมง่าย ใครสมาธิดี จะจำง่าย ลืมยาก การอ่านหนังสือ ต้องอ่านต่อเนื่องอย่างน้อย ชั่วโมงครึ่ง 30 นาทีแรกจิตใจของเรากำลังฟุ้ง ให้พยายามปรับให้นิ่ง 60 นาทีหลัง ใจนิ่งมีสมาธิแล้ว ก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้าสู่สมอง ที่สำคัญอย่าเอาขยะมาใส่หัว ห้ามคิดเรื่องพวกนี้ซักพัก เช่น เรื่องหนัง , เกม , แฟน พยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจเรานิ่งขึ้น