Thursday, March 12, 2015

นิสัยผู้ชาย 10 ประเทศ คิดมีแฟนเป็นหนุ่มต่างชาติควรรู้ไว้นะ !

  สำหรับสาวไทยเรียกได้ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยที่นิยมของต่างชาติ ไม่เว้นแม้แต่หนุ่ม ๆ ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจสาว ๆ อยู่ไม่ใช่น้อย เพราะด้วยความหล่อความเท่นี่เรียกได้ว่ามัดใจสาวไทยได้อยู่หมัด แต่ทว่าคุณสาว ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าหนุ่มชาวต่างชาติที่เราหมายตาอยู่นั้นพวกเขาจะมีนิสัยอย่างไร เพราะด้วยวัฒนธรรม บวกกับวิถีการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันจึงทำให้นิสัยใจคอของหนุ่ม ๆ เหล่านั้นยากแท้ที่จะหยั่งถึงได้ แต่เพื่อเป็นเป็นการเอาใจคุณสาว ๆ ที่กำลังหมายตาจะไปเป็นสะใภ้ต่างชาติ ^^ วันนี้กระปุกดอทคอมมีลักษณะนิสัยของหนุ่ม ๆ 10 ประเทศมาฝากกันค่ะ รับรองว่ารู้ไว้ก่อนได้เปรียบแน่นอนจ้า


1. หนุ่มอังกฤษ

          หนุ่มเมืองผู้ดี ผู้ชายเมืองนี้เขาเรียบร้อย เป็นสุภาพบุรุษ มีระเบียบวินัยมาก ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายอังกฤษจะไม่ค่อยเจ้าชู้ รักเดียวใจเดียว ทำงานเก่ง ขยันหาเงิน ตรงเวลาเว่อร์ ๆ และเป็นคนรักษาเวลามาก แต่ทั้งนี้หนุ่มอังกฤษเขาก็ค่อนข้างถือตัว แต่ถ้าเริ่มสนิทกันแล้วจะเป็นมิตรที่น่ารักคนหนึ่งเลยเชียวแหละ


2. หนุ่มอเมริกัน

          หนุ่มอเมริกันรักอิสระไม่ชอบการครอบครอง พวกเขาเป็นหนุ่มที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากเป็นพวกไม่แคร์สื่อ อยากทำอะไรก็ทำ มักจะเดทไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอคนที่ใช่ ถ้านิสัยเข้ากันได้ก็คบต่อ แค่ถ้าเมื่อไรที่ใครมางี่เง่าเอาแต่ใจหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของเขาก็พร้อมที่จะไปทันที และที่สำคัญหนุ่มอเมริกันเป็นคนที่รักชาติมาก ๆ ตรงไปตรงมา ถ้าใช่ก็คือว่าใช่ รักก็คือรักและพร้อมที่จะดูแลคนที่เขารักอย่างดี แต่ถ้าเมื่อไรที่ไม่ใช่เขาก็พร้อมที่จะหันหลังเดินไปจากคุณทันที


3. หนุ่มฝรั่งเศส

          หนุ่มเมืองน้ำหอมเขามาพร้อมกับความโรแมนติก บอกเลยว่าหนุ่มฝรั่งเศสนั้นจะมาแนวขี้เอาใจ ชอบหยอดคำหวานให้สาว ๆ ใจละลาย แถมชอบทำเซอร์ไพรส์อีกด้วย สำหรับสาว ๆ คนไหนชอบหนุ่มฝรั่งเศสละก็บอกเลยว่าให้รีบไปฝึกภาษาฝรั่งเศสกันด่วน ๆ เพราะพวกเขาค่อนข้างชาตินิยมและภูมิใจในภาษาของตัวเองมาก ๆ และเห็นโรแมนติกแบบนี้ บทได้งอนขึ้นมานี่ไม่ง้อนะจ๊ะขอบอก เพราะหนุ่มฝรั่งเศสเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ตรงไปตรงมา และคิดว่าตัวเองถูกเสมอ นอกจากนี้ยังเจ้าสำอาง ชอบแต่งตัวนาน และชอบทำให้ตัวเองดูดี และถ้าหากเขาได้ถูกใจผู้หญิงคนไหนแล้วก็จะเข้าถึงเนื้อถึงตัว ซึ่งอันนี้ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ของวัฒนธรรมเขาล่ะ


4. หนุ่มอิตาเลียน

          หนุ่มอิตาเลียนไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะจ๊ะ ค่อนข้างจะโรแมนติกเชียวแหละ แถมยังอัธยาศัยดี ปากหวาน แทคแคร์เก่ง ดูแลสาว ๆ ของเขาอย่างดี ยิ่งเรื่องอาหารการกินอันนี้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยจ้า ดูเหมือนว่าจะออกแนวแม่บ้านแม่เรือนนิด ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ค่อนข้างเจ้าชู้ เข้าสังคมเก่ง ดื่มเก่ง และติดบุหรี่ เพราะส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ของผู้ชายอิตาเลียนเรื่องกินดื่มและสูบบุหรี่ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ แถมยังชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย

5. หนุ่มเกาหลี

          หนุ่มจากแดนกิมจิ เรียกได้ว่านิสัยต่างกันลี้ลับจากในซีรีส์ที่หลาย ๆ คนเคยดู เพราะหนุ่มเกาหลีมักจะมีนิสัยจริงจัง เข้มงวด และมีความเป็นผู้นำสูงมาก ไม่ค่อยฟังใคร เป็นพวกชอบเข้าถึงเนื้อถึงตัว แอบซาดิสต์นิด ๆ แต่ก็เป็นคนติดแฟน หากคบกันเขาจะเป็นฝ่ายจ่ายให้ตลอด ๆ แต่ถ้าได้แต่งงานกันแล้วดูเหมือนว่าผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายจ่ายหนักซะเอง อย่างเช่น ซื้อของขวัญให้ญาติผู้ใหญ่ของเขา ซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้หนุ่มเกาหลียังเป็นพวกรักชาติเอามาก ๆ แถมยังเป็นพวกปากหนัก พูดคำว่าขอโทษยากอีกซะด้วยจ้า


6. หนุ่มญี่ปุ่น

          หนุ่มเมืองปลาดิบ ขยันเอาการเอางาน มีความรับผิดชอบสูง สุภาพ ขี้อาย มีความเป็นส่วนตัวสูง และตรงต่อเวลามากถึงมากที่สุด เผลอ ๆ ไปก่อนเวลาเสียด้วยซ้ำ แถมยังรักความเป็นระเบียบ ซื่อสัตย์ ขี้เกรงใจ สำหรับสาว ๆ คนไหนที่ได้แต่งงานกับคนญี่ปุ่นนี่จะว่าสบายก็ได้นะจ๊ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วหนุ่มญี่ปุ่นมักจะให้ผู้หญิงเป็นแม่บ้านอย่างเดียวโดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านเลย เพราะเขาจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวเอง นอกจากนี้ยังเป็นคนกินเสียงดัง แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะมันถือเป็นมารยาทที่บ่งบอกถึงรสชาติอาหารที่เอร็ดอร่อยของบ้านเมืองเขานั่นเอง

7. หนุ่มจีน

          หนุ่มหน้าตี๋ทั้งหลาย ส่วนใหญ่แล้วจะรักครอบครัว ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน และตรงไปตรงมา หากสาว ๆ คนไหนได้หนุ่มจีนเป็นสามีแล้วคือดี เพราะเขาจะเคารพรักและให้เกียรติภรรยา แต่ทั้งนี้ก็ต้องผ่านด่านแม่สามีไปให้ได้เสียก่อน เพราะเขาดูจะเชื่อฟังแม่ของเขาพอสมควร นอกจากนี้เขายังเป็นคนรักสนุก ใจดี แต่ใจร้อน ยิ่งตอนทำงานจะจริงจังเอามาก ๆ เล่นคือเล่น งานคืองาน ชอบเสียงดัง และไม่ค่อยมีความโรแมนติกสักเท่าไร



8. หนุ่มสิงคโปร์

          หนุ่มสิงคโปร์ขยันทำงานเข้าขั้นบ้างานเลยก็ว่าได้ เป็นหนุ่มสุภาพ ชอบแทคแคร์ ชอบดูแล แต่ไม่ค่อยโรแมนติกสักเท่าไร เป็นพวกจริงจังกับชีวิตมาก มีความรับผิดชอบสูงมาก ส่วนมากจะไม่เจ้าชู้ และมีความซื่อสัตย์ ให้เกียรติผู้หญิง และชอบผู้หญิงอ่อนโยน เรื่องความรักเขาจะเต็มที่มาก ถ้าได้ขอใครเป็นภรรยาแล้วคือจบ

9. หนุ่มอาหรับ

          พ่อหนุ่มหน้าคมสไตล์อาหรับ เป็นคนที่พร้อมจะปกป้องและดูแลคนรักอย่างเต็มที่ เป็นคนเทคแคร์เก่ง ดูแลดี ทุ่มเท และแอบหื่น ระหว่างที่ดูใจกับฝ่ายหญิงสถานะของคุณก็ยังคงเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น จนกว่าคุณจะหมั้นกับเขาถึงจะเรียกแฟน แต่งงานแล้วก็คือภรรยา สำหรับหนุ่มอาหรับนั้นค่อนข้างจะถือเรื่องการมีอะไรกันก่อนแต่งงานมาก ๆ เพราะสาว ๆ ต้องเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้สามีคนเดียว ดังนั้นเรื่องกอด เรื่องจูบ เรื่องจับมือจึงถือว่าเป็นเรื่องที่หนุ่มอาหรับให้ความสำคัญมาก ๆ และหากเขาได้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ทุกคนในบ้านก็จะต้องเชื่อฟัง และต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง ดูแล้วแอบโหดนิด ๆ เหมือนกันนะเนี่ย

10. หนุ่มไทย

          พูดมาก็หลายประเทศแล้วจะขาดหนุ่มไทยไปก็กระไรอยู่ สำหรับหนุ่มไทยมาดเข้มนั้นมีนิสัยเจ้าชู้สุด ๆ ชอบสาว ๆ ผิวขาว ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ และจะประหม่ากับพวกสาวมั่น สาวเปรี้ยว สาวเก่ง แถมถ้าเก่งกว่าก็จะไม่ค่อยชอบ ผู้ชายไทยส่วนใหญ่ชอบเฮฮาปาร์ตี้ ขี้เล่น และชอบสังสรรค์ รักเพื่อนและรักพวกพ้อง เรื่องดื่มเรื่องสูบบุหรี่เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ของชายไทย ส่วนมากไม่ชอบผู้หญิงที่เข้ามาหาก่อน แต่มักจะเป็นคนตามจีบเสียเอง

Friday, March 6, 2015

การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบไหนใช้ธูปกี่ดอก

เคยงงไหมว่า เวลาเราจุดธูป บูชาพระ บูชาเทพ ไหว้เจ้า บูชาโน่น นี่ นั่น กระทั่งไหว้สัมภเวสีธรรมดา ไหว้ศาลตายายยังสับสนไหมว่าเราต้องใช้ธูปกี่ดอกกัน เพื่อความเป็นมงคลให้กับชีวิต ไทยรัฐออนไลน์พาไปหาคำตอบมาให้...
 
ธูป 1 ดอก : เป็นเรื่องของการเน้นหรือเจาะจง ในเรื่องที่เกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน วิญญาณภาคพื้น เช่น การจุดไหว้เจ้าที่ หรือผีบ้านผีเรือน
 
ธูป 2 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิญญาณ และการปักธูปบนอาหาร
 
ธูป 3 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ธูป 4 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
 
ธูป 5 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา คุณมารดา และครูบาอาจารย์
 
ธูป 6 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุกำลังไฟ (คนที่เกิดวันอาทิตย์) ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
 
ธูป 7 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ (ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่) ครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว
 
ธูป 8 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องการเสริมดวง (คนที่เกิดวันอังคาร)
 
ธูป 9 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสักการบูชาเทพ เจ้าป่า เจ้าเขา หรือ รุกขเทวดาศาลพระภูมิ ศาลเทพ
 
ธูป 10 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการเสริมดวงชะตา (คนที่เกิดวันเสาร์)
ธูป 11 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบูชาเทวดาชั้นสูง
 
ธูป 12 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบูชาพระราหู ใช้ในการสวดเสริมดวง (คนที่เกิดวันพุธกลางคืน)
 
ธูป 13 ดอก : ไม่นิยมจุด
 
ธูป 14 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระสงฆ์ เช่น การจุดบูชาสักการะรูปปั้นพระสงฆ์
 
ธูป 15 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา (คนที่เกิดวันจันทร์)
 
ธูป 16 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบูชาเทพชั้นสูง เช่น บูชาพรหม ฯลฯ (ใช้จุดกลางแจ้ง จุดธูปเทพเทวดา ทั้งสิบหกชั้นฟ้าด้วย)
 
ธูป 17 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการเสริมดวงชะตา (คนที่เกิดวันพุธ)
 
ธูป 18 ดอก : ไม่นิยมจุด
 
ธูป 19 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการจุดบูชาครู และใช้ในการเสริมดวงชะตา (คนที่เกิดวันพฤหัสบดี)
 
ธูป 20 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสวดเสริมดวงชะตา
 
ธูป 21 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่ธรณี (ใช้ในพิธีเบิกพระแม่ธรณี) และการสวดเสริมดวงชะตา (คนที่เกิดวันศุกร์)
 
ธูป 32 ดอก : ใช้สวดชุมนุมเทวดาทั้ง 4 ทิศ (การไหว้ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 1 โลกมนุษย์)
 
ธูป 38 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระธรรม
 
ธูป 39 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่โพสพ
 
ธูป 56 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคุณพระพุทธเจ้า
 
ธูป 108 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรมสวดเสริมดวงชะตา และบูชาสิ่งสูงสุดทั่วโลกทุกชั้นฟ้า
 
ขอบคุณข้อมูล หนังสือ คัมภีร์ พิธีกรรมแบบโบราณของไทย

เวรี่ฮอต! 3 สเต็ป คลายร้อนง้ายง่าย ด้วยไอศกรีมผลไม้

ร้อน ร้อน ร้อน เพิ่งจะต้นเดือนมีนาฯ ก็ร้อนซะนาดนี้ ถ้าเดือนเมษายนจะขนาดไหน ประเทศไทยเข้าสู่หน้าร้อนแล้วใช่หรือไม่? ร้อนแบบนี้ทำอะไรก็ค่อนข้างจะหงุดหงิดไปซะหมด ไทยรัฐออนไลน์ จะพาคุณไปคลายร้อนแบบง่ายๆ กับคอลัมน์ Trend can do อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้พบกับ 3 ขั้นตอนทำไอศกรีมผลไม้ บอกเลยว่าง่ายเว่อร์....
หนูร้อนๆ ขอกินติมหน่อยย
เสร็จแล้ว กินแล้วหายร้อนเลย
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. กีวีปอกเปลือกหั่นบางๆ
2. สตรอว์เบอร์รี่สดหั่นบางๆ
3. ส้มเขียวหวานปอกเปลือกหั่นบางๆ
4. บลูเบอร์รี่สด
5. น้ำมะพร้าว
6. แม่พิมพ์ทำไอศกรีมแท่ง
ผลไม้สด
สิ่งที่ต้องเตรียม
ขั้นตอนการทำ
1. เมื่อหั่นผลไม้เสร็จแล้วให้ใส่ลงไปในแม่พิมพ์ทำไอศกรีมแท่งได้เลย ระวังอย่าให้ผลไม้เละและช้ำ
2. เทน้ำมะพร้าวลงไปในแม่พิมพ์ (หรือจะเป็นน้ำผลไม้อย่างอื่นก็ไม่ว่ากัน)
3. นำแม่พิมพ์ทำไอศกรีมผลไม้ไปแช่ช่องฟรีซให้แข็ง แค่นี้คุณก็จะได้คลายร้อนด้วยวิธีการง่ายๆ กันแล้ว
ที่มา : thenerdswife

Saturday, February 28, 2015

ท่านั่งขับรถที่ถูกต้อง เป็นอย่างไรวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกัน

   สำหรับผู้ที่ต้องขับรถไปทำงานเป็นประจำนั้น อาจจะเคยเกิดอาการเหมื่อยล้าในการขับและควบคุมรถได้ไม่ดี ซึ่งเรื่องท่านั่งในการขับรถนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการปรับกระจกมองข้างให้ถูกวิธีเพื่อนๆท่านไหนที่ยังไม่ทราบว่าท่านนั่งขับรถที่ถูกวิธีนั้นเริ่มต้นอย่างไรต้องปรับตรงไหนบ้าง เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลยครับ

 เริ่มที่ระยะห่างของพวงมาลัย
           ท่านั่งขับรถที่ถูกวิธีนั้น สิ่งแรกต้องเริ่มจากการระยะห่างของพวงมาลัย ซึ่งระยะห่างจากพวงมาลัยที่จะทำให้นั่งสบายนั้นควรห่างจากพวงมาลัย 1ช่วงแขนพอดี โดนที่แขนของเราจะต้องไม่หย่อนไม่ตึงจนเกินไป  ซึ่งระยะแบบนี้จะทำให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมดีที่สุดในการขับรถ แต่สิ่งสำคัญอย่านั่งใกล้พวงมาลัยมากจนเกินไปเพราะการนั่งท่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อแขนตึงจนเกินไป รวมถึงห้ามเอนเบาะนอนขับเพราะจะทำให้ควบคุมรถได้ยากหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
 การปรับพนักพิง
            เรื่องการปรับพนักพิงนั้นต้องเข้าใจก่อนว่ารูปร่างของแต่ละคนนนั้นย่อมไม่เท่ากัน เริ่มจากให้ปรับเบาะให้ตรง หลังจากนั้นค่อยปรับเอ็นหลังกดไปประมาณ 1-2 ล็อค ให้ตัวพนักพิงเข้ากับเอวจนทำให้เรารู้สึกว่ากระชับเท่านี้ถือว่าใช้ได้เลย
 หัวเบาะหรือ หัวหมอน
           หัวเบาะหรือหัวหมอนถือว่าสำคัญห้ามนำออกจากเบาะโดยเด็ดขาดเพราะหัวเบาะหรือหัวหมอนตัวนี้ถูกทำมาเพื่อลดแรงกระแทก และอาการบาดเจ็บช่วงคอของคนนั่งซึ่งการปรับนั้นควรปรับให้อยู่ประมาณครึ่งของศีรษะเพื่อลดความแรงจากการเกิดอุบัติเหตุได้นั้นเอง
 ตำแหน่งพวงมาลัย
             การปรับตำแหน่งพวงมาลัยที่ดีนั้นควรให้ พวงมาลัยนั้นเชิดขึ้นหาคนขับนิดหน่อยจะทำให้การควบคุมรถนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งการปรับพวงมาลัยสูงหรือต่ำไปอาจจะทำให้ควบคุมพวงมาลัยอยาก


การจับพวงมาลัยก็มีผลต่อการขับคุมรถด้วยเช่นกัน

10 ถนนที่สวยที่สุดในโลก

การเดินทางของทุกคนล้วนแล้วแต่จะเพิ่มประสบการณ์ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเจออะไรที่ดีและไม่ สวยและไม่สวย ทุกอย่างก็คือประสบการณ์ที่เราได้รับ แต่สิ่งที่ทุกคนต้องเจอทุกการเดินทางนั่นก็คือ วิวทิวทัศน์ข้างถนนในการเดินทาง ซึ่งบางครั้งถึงกับอยากที่จะหาที่จอดรถ หามุมสวยๆ ถ่ายรูป แต่บางครั้งก็อาจจะอยากรีบขับไปให้พ้นๆ ก็มี แต่ในครั้งเราจะนำถนนที่สวยจนอยากจะเก็บภาพไว้ในความทรงจำกันเลย
          โดยสำนักข่าวต่างประเทศได้ทำการรวบรวมถนนที่มีวิวสวยที่สุดในโลก ที่ถึงกับว่าต้องไปชมให้ได้ก่อนตายถึง 10 อันดับเลยทีเดียว โดยเริ่มจาก

อันดับ 1 ถนนทางหลวงหมายเลข 1 บิ๊กเซอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
          ถนนทางหลวงหมายเลข 1 บิ๊กเซอร์ เป็นถนนที่มีความยาวถึง 140 กิโลเมตร จากซาน คาร์โปโฟโร ไปจนถึงแม่น้ำคาร์เมล และเป็นถนนที่ตัดเลียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งวิวข้างทางจะถูกโอบล้อมไปด้วยหน้าผาเลียบชายฝั่ง ที่มองออกไปจะเห็นทะเลสีครามสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้ยังมีภูเขา และป่าทึบเรียงรายกันอย่างมีศิลปะ

อันดับ 2 เฟอร์กา พาส, สวิตเซอร์แลนด์
          ถนนเฟอร์กา พาส เป็นถนนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ตัดผ่านเทือกเขาแสนสวย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ เทือกเขา และสายน้ำ ซึ่งทุกอย่างมารวมกันได้อย่างลงตัว โดยถนนเส้นนี้เคยเป็นฉากในภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ตอน โกลด์ฟิงเกอร์ อีกด้วย

อันดับ 3 ถนนแอตแลนติก ประเทศนอร์เวย์
          ถนนแอตแลนติก เป็นถนนที่ตัดผ่านมหาสมุทร ซึ่งอาศัยโขดหินเป็นตัวเชื่อมระหว่างเมืองคริสเตียนซุนด์และเมืองโมลเด รวมถึงยังเป็นถนนที่สำคัญในการท่องเที่ยวของนอร์เวย์อีกด้วย โดยถนนแห่งนี้มีความยาว 8.3 กิโลเมตร เปิดใช้เมื่อปีค.ศ.1989

อันดับ 4 ถนนไวท์ริม อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐฯ
          ถนนไวท์ริม ในอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐฯ เป็นถนนที่มีทั้งความสวย และอันตรายไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นทางที่วกวน บวกกับความลาดชันที่แตกต่างกัน รวมถึงฝุ่นจากดินที่พร้อมจะบดบังทัศนวิสัยในทุกเมื่อ ซึ่งหากใช้รถ 4x4 จะต้องใช้เวลาถึง 2-3 เลยทีเดียวในการขับ แต่ถ้าอยากชื่นชมธรรมชาติให้เต็มที่ ก็คงต้องปั่นจักรยาน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน แต่ทุกอย่างก็ต้องมีข้อดี เพราะถนนไวท์ริมจะทำให้คุณได้เห็นวิวทิวทัศน์ของแคนยอนแลนด์ได้อย่างใกล้ชิด

อันดับ 5 ถนนเทียนอันเหมิน หูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
          ถนนเทียนอันเหมินเป็นถนนที่เริ่มจากจุดล่างไปจนถึงจุดสูงสุดของภูเขาเทียนอันเหมิน ซึ่งมีความสูงถึง 131.5 เมตร โดยระหว่างทางจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม โดยถนนเทียนอันเหมินมีระยะทาง 11 กิโลเมตร แต่ถ้าหากใครไม่อยากขับรถขึ้นไป ก็สามารถที่จะนั่งกระเช้าเคเบิลขึ้นไปยังยอดเขาได้ โดยบางจุดต้องเจอกับความชันถึง 37 องศา ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ที่กลัวความสูง

อันดับ 6 สะพานเซเว่นไมล์ รัฐฟลอริดา
          สะพานเซเว่นไมล์ หรือทางหลวงโพ้นทะเลที่ล่ำลือกัน เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรัฐฟลอริดา เพราะเป็นสะพานที่ทำการตัดผ่านมหาสมุทธ ทำให้ได้เห็นทะเลที่กว้างไกล บวกกับน้ำทะเลที่มีสีตัดกับท้องฟ้าเหมือนภาพวาดเลยก็ว่าได้

อันดับที่ 7 ถนนแชปแมนพีค เคปทาว์น ประเทศแอฟริกาใต้
          ถนนแชปแมนพีค เป็นถนนที่มีระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร และทางโค้งอีกกว่า 144 โค้ง โดยถนนเส้นนี้จะเชื่อมระหว่างอ่าวนอร์ดฮุคก์และอ่าวฮาท์ว ซึ่งอยู่บริเวณชายฝั่งของคาบสมุทรแอตแลนติก อีกทั้งยังเป็นถนนที่เลียบชายฝั่งหินของแชปแมนพีคอีกด้วย จุดเด่นของถนนแชปแมนพีคคือ คุณจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ถึง 180 องศาเลยทีเดียว

อันดับ 8 ถนนสเตวิลโอ พาส อีสเทิร์นแอลป์ ประเทศอิตาลี
          ถนนสเตวิลโอ พาส อีสเทิร์นแอลป์ เป็นถนนที่มีทางโค้งเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยเป็นทางลงเขา อีกทั้งยังมีวิวเขาที่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ทางนิตยสารท็อปเกียร์ได้เลือกให้เป็นถนนที่น่าขับขี่ที่สุดของโลก และเป็นที่ๆ นักขับต้องไปเยือนให้ได้ในชีวิตนี้

อันดับ 9 ถนนโคล เดอร์ทูรินิ  ประเทศฝรั่งเศส
          ถนนโคล เดอร์ทูรินิ เป็นถนนที่ตัดผ่านเทือกเขาเมอร์ริตไทม์ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นถนนที่มีความสวยงามจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา และต้นไม้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ต้องตกหลุมรัก แต่ต้องแลกมาด้วยความแคบ บวกกับทางโค้งหักศอกที่อันตรายมากๆ หลายโค้ง ถนนโคล เดอร์ทูรินิ ยังเป็นถนนที่ใช้ในการแข่งขันแรลลี่มอนติคาร์โล และแข่งขันจักรยาน ในรายการ ตรู เดอ ฟรอง ถึง 3 ครั้ง เลยทีเดียว

อันดับ 10 อุโมงค์โกว์เหลียง สาธารณรัฐประชาชนจีน
          อุโมงค์โกว์เหลียง เป็นอุโมงค์ที่ทำการเจาะผ่านภูเขาไท้ฮาง โดยถนนเส้นนี้มีความเป็นมาจากการที่ชาวบ้านในแถบนั้น ร่วมมือร่วมใจกันเจาะถนนเพื่อเชื่อมต่อกับโลกภายนอก อีกทั้งถนนเส้นนี้ยังเผยให้เห็นถึงหน้าผาที่สวยงาม และวิวที่มองออกไปสุดลูกตา

เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland

เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
          Disneyland หรือ Walt Disney World ถือเป็นหนึ่งแดนสวรรค์และแดนอัศจรย์ของทุกครอบครัว เป็นสถานที่พิเศษที่เหมาะกับวันหยุดพิเศษ แต่ใครเล่าบ้างจะรู้ว่าดินแดนแห่งความสุขแห่งนี้นั้นมี 9 ตำนานลึกลับซ่อนอยู่ 
          ตำนานที่ 1 มีผู้คนมากมายอ้างว่า เมื่อถึงตอนกลางคืน ตุ๊กตาที่ตั้งอยู่ใน It's A Small World จะมีชีวิต และเดินหายไปจากตำแหน่งที่ถูกตั้งเอาไว้
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
 ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก viralnova
        ตำนานที่ 2 มีผู้คนมากมายอ้างว่า ทุกค่ำคืนวิญญาณชายที่ตายในยุค 70 จะขึ้นมานั่งเล่นในกระสวยอวกาศ บริเวณ Space Mountain ของ Disney World 
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
          ตำนานที่ 3 มีผู้คนมากมาย มักนำเถ้ากระดูกคนรักที่เสียชีวิตมาโปรยตามสถานที่ต่างๆใน Disneyland  สถานที่ซึ่งมีคนโปรยเถ้ากระดูกมากที่สุดอยู่ที่ Pirates of The Caribbean และ The Haunted Mansion
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland 
          ตำนานที่ 4 ในปี 2005 มีเด็กชายวัย 4 ปี เสียชีวิตที่ Mission Space ผู้คนมากมายมักอ้างว่า ทุกครั้งที่เดินผ่านจุดเกิดเหตุ จะรู้สึกเย็นผิดปกติ 
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
          ตำนานที่ 5 ในปี 1999 เกิดเรื่องลึกลับขึ้นบริเวณ It's A Small World เมื่อจู่ๆเจ้าหน้าที่ของ Disneyland ได้สั่งอพยพผู้คนออกจากสถานที่ โดยไม่อธิบายถึงสาเหตุ ก่อนที่ในเวลาต่อมา ได้มีคนนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเผยแพร่ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพเด็กถูกห้อยจากเพดานลงมา
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
          ตำนานที่ 6 มีผู้คนมากมายอ้างว่า เคยมีพนักงานที่เห็นโคมไฟในห้องพักของ Walt Disney ติดอยู่ จึงขึ้นไปปิดไฟ แต่เมื่อปิดไฟลง ูโคมไฟก็ติดขึ้นมาเองอีก ทาง Disneyland จึงเปิดโคมไฟในห้อง Walt Disney ทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
         ตำนานที่ 7 The Haunted Mansion มักถูกมองเป็นสถานที่ตลก มากกว่าสถานที่น่ากลัว จนกระทั่งนักท่องเที่ยวคู่หนึ่งเจอเหตุการณ์สุดแปลกมากับตัว เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเด็กหัวเราะ และร้องไห้ ขณะเที่ยวในสถานที่แห่งนี้ และภาพที่คุณเห็นอยู่คือภาพลึกลับที่พวกเขาถ่ายมาได้
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
         ตำนานที่ 8 มีผู้คนมากมายอ้างว่า มีพนักงานรายหนึ่งหัวใจวายเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติงาน ขณะพาแขกไป Tower of Terror ที่ตั้งอยู่ใน Hollywood Studios ทุกวันนี้วิญญาณของเขายังวงเวียนในสถานที่เขาหัวใจวาย
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland
         ตำนานที่ 9 มีผู้คนมากมายอ้างว่า มีนักแสดงชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Deborah Stone เสียชีวิตระหว่างการแสดง America Sings ใน Disney World's Tomorrowland หลังตัวเขาเข้าไปติดในประตูหมุนจนเสียชีวิต ซึ่งผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างคิดว่าเป็นการแสดงของเขา
เมื่อแดนสวรรค์ กลายเป็นแดนสยอง เผย 9 ตำนานลึกลับ ใน Disneyland

คดีประวัติศาสตร์ ติดคุก154,005 ปี

คุณพระเห็นจำนวนตัวเลขปีที่ต้องรับโทษ นี่กว่าจะได้อิสระคงกลายเป็นฟอสซิลคาคุกแน่ ๆ ว่าแต่ความผิดอะไรกันที่ทำให้ต้องจำคุกถึง แสนปีขนาดนี้!
          ขุดตำนานคดีดัง ย้อนกลับไปไม่นานกว่า30 ปีที่แล้ว กับข่าวครึกโครมถึงขึ้นต้องจารึกเป็นประวัติศาสตร์เมื่อตำรวจบุกจับ นางชม้อย ทิพย์ศรี เท้าแชร์คนดังที่หลอกคนเป็นหมื่นๆคน หลอกเงินไปกว่า 4,000 ล้านบาท !! 
 
          นางชม้อยได้รับการชักนำจากเพื่อนร่วมงานให้ร่วมลงทุนค้าน้ำมัน เมื่อทำได้ระยะหนึ่งเห็นว่ารายได้ดี จึงชักชวนคนอื่นๆ เข้าร่วมลงทุนด้วย และก็เริ่มเล็งเห็นช่องทาง มโนหลอกคนอื่นว่าทำกิจการซื้อขายน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ มีเรือเดินทะเลขนส่งน้ำมัน โดยไม่ได้ประกอบธุรกิจจริงโดยหลอกให้คนหลงเชื่อนำเงินมาลงทุนกับบริษัท โดยทำสัญญากู้ยืมเงินว่าจะให้เงินตอบแทนในอัตราที่สูงลิบเป็นรายเดือน จนเป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้นว่า "แชร์น้ำมัน"
 
          ธุรกิจแชร์น้ำมันเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะระยะแรกทุกคนที่นำเงินมาร่วมลงทุน จะได้รับเงินตอบแทนตรงตามเวลาประกอบกับนางชม้อยทำงานอยู่ในองค์กรเชื้อเพลิง จึงเป็นที่น่าเชื่อถือ และนางชม้อย มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีนับหมื่นล้านบาทในเวลาอันรวดเร็ว และเธอเอาเงินค่าตอบแทนมาจากไหน เพราะเป็นบริษัทอุปโลก! แน่นอนเธอเปิดอีกหนึ่งบริษัท เพื่อใช้ในการหลอกระดมเงินเพิ่มเติม แต่ความจริงแล้วต้องการนำเงินที่ได้จากเหยื่อรายใหม่ไปจ่ายค่าตอบแทนให้ เหยื่อรายเก่า
            และเมื่อกรมสรรพากรได้ตรวจสอบธุรกิจของเธอ พบว่าบริษัทของนางชม้อยทั้งสองแห่งไม่ได้ทำธุรกิจค้าขายน้ำมันและค้า ข้าวอย่างที่แจ้งไว้ ที่มีเงินมาจ่ายให้ผู้ลงทุนได้ก็เพราะนำเงินที่ได้จากเหยื่อไปฝากธนาคารพาณิชย์ แล้วนำดอกเบี้ยมาจ่ายให้เจ้าของเงินเท่านั้น 
 ขอบคุณรูปภาพจาก news.hunsa.com

          และในวันที่18 กรกฎาคม 2528 นางชม้อยและพวกจึงถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุม พร้อมทั้งยึดทรัพย์สร้างความตกตะลึงให้ชุดจับกุม เนื่องจากนางชม้อยซุกซ่อนทรัพย์สินไว้จำนวนมหาศาล เงินสดจำนวนมากบรรจุไว้ในถุงพลาสติกฝังไว้ในบ้านพักภาพการตรวจค้นถูกตีแผ่ในสื่อทุกแขนงต่างๆ จนกลายเป็นเรื่องโจษขานของสังคมมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้  

          คดีของนางชม้อยใช้เวลาสืบพยานในชั้นศาลนานกว่า 4 ปี สุดท้ายศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2532 ให้นางชม้อยและพวกมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ให้จำคุกเป็นเวลา 117,595 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 อีก 36,410 ปี รวมจำคุก 154,005 ปี 
          ชม้อยเองก็เป็นคนที่มีจิตวิทยาสูง จากการเป็นคนที่มีไหวพริบและปฏิภาณสูง ทำให้ชม้อยสามารถหาทางออกกับคำถามเหล่านั้นได้สบาย
 "เรื่องความจำนี่ก็ต้องยกให้ฉัน ฉันเป็นคนจำได้แม่นยำมาก พูดอะไรหรือตอบคำถามอะไรที่กะทันหันนี่ ฉันสามารถตอบซ้ำๆ ได้อีกไม่ว่ากี่ครั้งกี่หนก็จะไม่มีวันผิดไปจากเดิมเลย"นายตำรวจที่ทำคดีชม้อย ได้อ้างคำกล่าวนั้นของเธอ